เมื่อเข้าสู่ช่วงสิ้นปี บรรยากาศเย็น ๆ และลมหนาวก็เริ่มโชยมาแล้ว.. อีกหนึ่งปัญหากวนใจของใครหลาย ๆ คนก็คือปัญหาผิวแห้งนั้นเอง เพราะผิวเป็นอวัยวะที่เป็นด้านหน้าเมื่อต้องเผชิญกับสภาวะอากาศต่าง ๆ และรู้หรือไม่ว่า..ผิวแห้งไม่ใช่แค่เรื่องผิว ๆ เท่านั้น แต่อาจจะส่งผลถึงโรคที่เกี่ยวกับผิวได้อีกด้วย วันนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องผิวแห้งให้มากขึ้น รับรู้ถึงสาเหตุของผิวแห้ง และวิธีดูแลผิวหนังที่ถูกต้องกันดีกว่า ไม่รอช้าเราไปดูกันเลย
ผิวแห้งคืออะไร?
ผิวแห้ง เป็นลักษณะของชั้นผิวที่ขาดความมันหรือน้ำมันในชั้นผิวออกไป เมื่อผิวสูญเสียน้ำมันหรือผิวขาดความมันทำให้ผิวแห้ง ในขณะที่ผิวขาดน้ำคือ ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น สูญเสียน้ำในชั้นผิวออกไป เมื่อไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ใต้ชั้นผิวก็ทำให้ผิวหนังเริ่มแห้งกร้านขึ้น
ผิวแห้งจะส่งผลทำให้ผิวหนังด้านนอกซึ่งสังเกตได้ แตกลอกเป็นขุย ไม่สม่ำเสมอกัน หากมีความแตกแห้งมากอาจจะหลุดออกมาเป็นแผ่นได้ ส่งให้ให้ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ หากปล่อยไว้นานสามารถส่งผลให้เกิดความระคายเคือง แสบ คัน และอาจจะนำซึ่งปัญหาอื่น ๆ ได้
สาเหตุของผิวแห้ง
สาเหตุของผิวแห้งเกิดได้จากหลายปัจจัยซึ่งผลลัพธ์ที่ส่งให้มีปัญหาผิวแห้งนั้นมีมากมายหลายอย่าง ดังนี้
- ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม
- สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยส่วนใหญ่จะเกิดอาการผิวแห้งเมื่อเข้าสู่หน้าหนาวหรือมีอุณหภูมิความชื้นที่เกะทันหัน
- อยู่ในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ปัญหาผิวแห้งนี้เกิดได้กับคนที่ต้องทำงานในห้องแอร์อาจจะสูญเสียน้ำในร่างกายและผิวแห้ง
- ใช้สารเคมีที่ทำลายความชื้นของผิว เช่น ใช้สบู่ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอกที่ทำลายเกราะป้องกันผิวและทำลายความชื้นผิว อาการแพ้มากน้อยก็จะแตกต่างกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ช่วยชำระล้างมักจะมีส่วนผสมของสารเคมีที่ขจัดความมันสูงทำให้ผิวที่สัมผัสโดนสูญเสียความมันและความชื้นด้วยเช่นกัน
- ปัจจัยจากภายในร่างกาย
- โรคภูมิแพ้ เช่น ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังอยู่แล้วมักจะมีผิวที่บอบบางอักเสบง่าย
- โรคอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวแห้ง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคดีซ่าน โรคเบาหวานโรคไต ฯลฯ
โรคที่เกี่ยวกับผิวแห้งโดยตรง
โรคที่มีสาเหตุมาจากผิวแห้ง มักจะพบ “โรคภูมิแพ้ผิวหนัง” ซึ่งเป็นโรคลักษณะโรคผิวหนังอักเสบ ที่เกิดจากปัญหาผิวแห้งอักเสบมาก่อน มีอาการอักเสบเรื้อรังของผิวแห้ง เมื่อผิวมีความแห้งคันร่วมกันกับสถาวะการแพ้ จะขึ้นผื่นเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ โรคภูมิแพ้ผิวหนังนี้จะต้องดูให้ดีว่าเกิดจากผิวหนังในปัจจัยอะไรเพื่อที่จะสามารถแก้ไขที่ต้นเหตุได้อย่างถูกต้อง หากพบว่าเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ได้ ซึ่งมีความเรื้อรังเนื่องจากมีความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้อายุและวัยไม่เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ผิวหนัง เพราะโรคนี้สามาถเป็นได้ตั้งแต่เด็กเกิดทารกจนกระทั่งวัยผู้ใหญ่และสูงอายุ ซึ่งวิธีดูแลผิวแห้งสำหรับคนที่เป็นโรคจะต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันกับดูแลผิวพรรณอย่างถูกวิธีเพราะอาจจะไม่สามารถหายเองได้ ต้องรับประทานยาหรือมียาทาเฉพาะทางร่วมด้วย ในระดับความรุนแรงการใช้ยาก็จำเป็นจะต้องให้แพทย์วินิจฉัยอาการ
นอกจากนี้โรคที่เกี่ยวกับผิวหนังยังมีโรคจำพวกสะเก็ดเงิน โรคเกลื้อน โรคคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา โรคผื่นแพ้เหงื่อ ฯลฯ
อาการบ่งชี้ว่าคุณกำลัง “ผิวแห้ง”
สำหรับอาการของผิวแห้งมีหลายระดับรุนแรง ซึ่งปัญหาของโรคผิวแห้งนั้นมีได้หลายช่วงวัยและไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวอย่างเดียว ลองสังเกตดูว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือยัง
- ผิวแห้งเป็นขุย
- ผิวมีผื่นแดง
- รู้สึกคัน ยุบยิบ ให้สังเกตว่าเป็นทั่วร่างกายหรือเป็นเฉพาะบางจุดที่ใช้สารเคมีหรือเปลี่ยนครีมบำรุง
- รู้สึกตึงผิว โดยเฉพาะเมื่ออาบน้ำเสร็จหรือแช่น้ำว่ายน้าใหม่ ผิวจะตึงและแห้งเร็ว
- ผิวแลดูหยาบกร้าน ไม่นุ่มชุ่มชื้น
- ผิวมีการตกสะเก็ด ลอกหลุด
- บางจุดของผิวมีผิวแห้งแตกมีเลือดซึม
- ผิวหนังซีด
- คันมากเมื่อเหงื่อออก ยิ่งเกา ยิ่งคัน
อย่างไรก็ตามบางคนอาจจะมีอาการร่วมด้วยทั้งหมด หรือบางข้อก็ได้เช่นกันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
วิธีดูแลผิวแห้ง
ไม่ว่าจะมีปัญหาผิวแห้งมากหรือน้อยสิ่งสำคัญที่สุดก็คือวิธีการดูแลผิวแห้งอย่างถูกวิธี เพื่อรับมือและรักษาได้อย่างถูกต้อง
- ดูว่าปัญหาผิวแห้งเป็นทั้งร่างกายหรือเป็นเฉพาะส่วน หากเป็นเฉพาะส่วน เช่น ผิวหนังให้สังเหตุว่าผิวแห้งเกิดจากการเปลี่ยนสารบำรุงหรือสารล้างทำความสะอาดอะไรแล้วแพ้หรือไม่ เพราะการที่ผิวแห้งตึงอาจจะไม่ได้หมายความว่าสะอาดแต่เป็นการทำลายผิวโดยทำให้ผิวสูญเสียน้ำและน้ำมันมากเกินไป ควรจะปรับเปลี่ยนสารบำรุงหรือสารทำความสะอาดที่มีค่า Ph ใกล้เคียงกับผิวเพื่อไม่ให้ทำลายเกราะป้องกัน
- ดื่มน้ำให้มากเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบ รวมทั้งผิวพรรณด้วยเช่นกัน ผิวที่ขาดน้ำมีส่วนทำให้ผิวแห้งได้
- ควรอาบน้ำที่อุณหภูมิปกติ สำหรับใครที่ติดอาบน้ำร้อนหรือแช่น้ำนาน ๆ สามารถอาบน้ำปกติตามทีหลัง หรือให้ทาโลชั่นและครีมบำรุงตามทีหลังเพื่อให้ผิวไม่ขาดความชุ่มชื้น
- เลี่ยงการอยู่ในที่หนาวจัด ปรับแอร์ให้พอดี ซึ่งหากเลี่ยงไม่ได้ให้หาเสื้อผ้าสวมใส่เพื่ออบอุ่นร่างกายและปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น
- ทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 เพราะเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ผิวไม่ได้แค่ต้องการน้ำแต่ยังต้องการน้ำมันเพื่อหล่อเลี้ยงผิว ไขมันที่มมีประโยชน์จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังได้ดี โอเมก้า 3 มักจะได้จากปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาดีน เป็นต้น หรือจากพืช เช่น ถั่ววอลนัท เมล็ดดอกคำฝอย เป็นต้น
- ทานวิตามินซีให้เพียงพอต่อความต้องการร่างกาย เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยบำรุงผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยธรรมชาติ โดยมักจะได้จากอาหารหลายชนิด อาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น มะขามป้อม ฝรั่ง ส้ม
- ทานอาหารที่มีคอลลาเจนสูง เพราะคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อผิวแห้ง หนึ่งในตัวช่วยเรื่องวิธีดูแลผิวแห้งได้ดี โดยคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวพรรณ กระดูก ข้อ
- ทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว ควรเลือกครีม โลชั่นที่ให้การบำรุงและช่วยป้องกันรังสีจากแสงแดด เพราะต่อให้คุณได้รับการบำรุงผิวที่ดีแต่ขาดการสร้างเกราะป้องกันจากแสงแดดแล้ว อาจจะทำให้ชั้นผิวถูกทำลายและสูญเสียน้ำรวมถึงปัญหาผิวแห้งกร้านตามมาด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้วิธีดูแลผิวแห้งนี้เป็นเพียงการดูแลเบื้องต้นที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้งไม่มากควรหมั่นทำเป็นประจำทุกวัน หากว่าคุณไม่ได้เป็นคนที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคผิวหนังอยู่แล้วก็จะสามารถหายขาดได้ สำหรับคนที่พบว่ามีปัญหาผิวแห้งรุนแรงจะต้องพบแพทย์ผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยระดับความรุนแรงของโรค เพื่อใช้ยารับประทานและยาทาในการรักษาได้อย่างเหมาะสมควบคู่กับดูแลตัวเองด้วยวิธีดูแลผิวแห้งดังกล่าวข้างต้น