แสงยูวีหรือแสงแดดเป็นหนึ่งในวายร้ายที่คนรักผิวต้องหลีกเลี่ยงและหาวิธีป้องกันอยู่ตลอดเวลา เพราะผลลัพธ์ที่ได้จากการอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นระยะเวลานานย่อมจะส่งผลเสียต่อผิวมากกว่าผลดี ไม่ว่าจะเป็นผิวไหม้แดด, ฝ้ากระ, จุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำ ซึ่งปัญหาผิวเหล่านี้ใช่ว่าจะรักษากันได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นการที่เรารู้จักวิธีการดูแลผิวหน้าจะช่วยลดปัญหาหน้าหมองคล้ำ หน้าโทรมได้ดีเลยทีเดียว
สำหรับการดูแลผิวหน้าไม่ให้โทรมอย่างถูกวิธีนั้น ต้องประกอบไปด้วยการดูแลผิวหน้าตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก เพราะถ้าหากภายในร่างกายได้รับการดูแลที่ดีแล้ว ไม่ว่าเราจะทาครีมบำรุงภายนอกมากมายแค่ไหน ผิวหน้าก็จะสามารถซึมซับการบำรุงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การดูแลผิวหน้าจากภายใน
การเริ่มต้นดูแลผิวหน้าจากภายในจะช่วยให้การบำรุงผิวหน้าจากภายนอกมีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น เพราะแน่นอนว่าแค่เราเริ่มดูแลร่างกายจากภายในหนึ่งเรื่องที่จะได้รับทันทีก็คือ การที่ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้นส่งผลให้ส่วนประกอบอื่นๆ ของร่างกายโดยเฉพาะผิวหน้าจะดูมีสุขภาพดีขึ้นตามมา ซึ่งการการดูแลผิวหน้าจากภายในเริ่มต้นง่ายๆ ดังนี้
– การดื่มน้ำและการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
จะช่วยให้ร่างกายของเราได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่โดยสัดส่วนการดื่มน้ำต่อวันเราขอแนะนำให้ดื่มน้ำประมาณ 6-8 แก้วต่อวันเพราะการดื่มน้ำที่เพียงพอจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าและในส่วนของการพักผ่อนเราขอแนะนำให้นอนหลับ 6-8 ชั่วโมงต่อวันเพราะการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้รับความฟื้นฟูอย่างเต็มที่ส่งผลให้ผิวหน้าดูออร่าเปล่งปลั่ง
– การออกกำลังกายเป็นประจำ
นอกจากจะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดได้รับการฉูบฉีดส่งผลให้ผิวหน้าได้รับออกซิเจนที่มากขึ้นและการออกกำลังกายยังช่วยขับเหงื่อเสมือนเป็นการถ่ายเทของเสีย ที่สำคัญเราสามารถเลือกประเภทการออกกำลังกายแบบใดก็ได้นับว่าเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มออร่าให้กับผิวหน้า อีกทั้งเมื่อร่างกายได้รับการฉูบฉีดเป็นประจำก็จะส่งผลให้ผิวหน้าดูไม่โทรมอีกด้วย
– การเติมอาหารผิวอย่างสม่ำเสมอ
อย่างที่ทราบกันดีว่า You are what you Eat เพราะฉะนั้นแล้วถ้าอยากให้ผิวหน้าสวยไม่โทรมเราก็ควรเลือกทานอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงผิวไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินที่ผิวชอบ อาทิเช่น วิตามินเอ, วิตามินบี, วิตามินซี และวิตามินอี เป็นต้น อาหารผิวจะช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เราพบเจอตลอดทั้งวันในการทำงานคอยซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย เมื่อได้รับอาหารผิวที่เพียงพอจะส่งผลให้ผิวพรรณของเราดูสุขภาพดีขึ้นนั่นเอง นับว่าเป็นวิธีการดูแลผิวจากภายในแบบง่ายๆ แต่ส่งผลดีต่อผิวหน้ามากมายเลยทีเดียว
การดูแลผิวหน้าจากภายนอก
หลังจากที่ดูแลผิวหน้าจากภายในแล้ว ลำดับต่อมาคือการดูแลผิวหน้าจากภายนอก ซึ่งแน่นอนว่าในปัจจุบันมีครีมบำรุงผิวมากมายหลายประเภทให้เราได้เลือกสรร แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะแนะนำมากที่สุดสำหรับการดูแลผิวหน้าจากภายนอกนั่นก็คือ ‘การทำหน้าสะอาดผิวหน้า’ ไม่ว่าเราจะเลือกครีมบำรุงยี่ห้อใดสิ่งสำคัญที่จะทำหน้าครีมนั้นซึมเข้าผิวหน้าได้ดีที่สุดก็คือ ขั้นตอนการล้างหน้าให้สะอาดซึ่งเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ควรใส่ใจ และการดูแลผิวหน้าจากภายนอกลำดับต่อไปจะมีอะไรบ้าง ไปอ่านพร้อมๆ กันเลย
– ป้องกันผิวโทรมด้วยครีมกันแดด
ไอเท็มที่ไม่ว่าจะฤดูไหนก็ไม่ควรพลาดที่จะมีติดกระเป๋าไว้เพราะแสงยูวีและแสงแดดอยู่รอบตัวเราตลอดเวลาโดยเฉพาะฤดูซัมเมอร์ที่ความเข้มข้นของแสงแดดมักจะเพิ่มแบบทวีคูณ ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในที่ร่มหรือกลางแจ้งก็ควรหมั่นทาครีมกันแดดอยู่เสมอและที่สำคัญควรเป็นครีมกันแดดที่มี SPF PA+++ ที่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้จริง
– หมั่นบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ
ครีมกันแดดจะเปรียบเสมือนเป็นการป้องกันผิวแต่สำหรับอีกหนึ่งไอเท็มที่ผิวหน้าจะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ ‘มอยส์เจอไรเซอร์’ นั่นเองเพราะมอยส์เจอไรเซอร์จะเปรียบเสมือนเป็นการบำรุงผิวหน้าเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวทั้งในเวลากลางวันและในเวลากลางคืน หากเราปกป้องผิวแต่ขาดการบำรุงก็จะทำให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่งได้ยาก ดังนั้นถ้าอยากจะผิวหน้าสวยไม่โทรมต้อนรับซัมเมอร์แล้วละก็.. อย่าลืมบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์และตามด้วยครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดระหว่างวัน
– หลีกเลี่ยงกิจกรรมท้าแดดและพฤติกรรมที่ทำลายผิว
สำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่ชื่นชอบการเล่นกิจกรรมกลางแจ้งไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือการท่องเที่ยว ในช่วงซัมเมอร์นี้เราขอแนะนำให้เพลาๆ ลงหน่อยและเปลี่ยนมาเล่นกิจกรรมในร่มแทน เพราะแสงแดดในฤดูซัมเมอร์จะรุนแรงกว่าฤดูไหนๆ เพราะฉะนั้นการหลีกเลี่ยงกิจกรรมท้าแดดก็จะช่วยให้ผิวหน้าได้รับการทำร้ายที่น้อยลง แต่สำหรับพฤติกรรมที่ทำลายผิวหน้าโดยตรง อาทิเช่น การดื่มแอลกอฮอร์หรือการสูบบุหรี่เป็นประจำจะเป็นสาเหตุที่ทำร้ายผิวหน้าและทำให้ผิวหน้าดูโทรมได้ง่าย และถึงแม้ว่าจะบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมบำรุงมากเพียงใดก็จะไม่สามารถฟื้นฟูผิวได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นหากเลี่ยงได้ก็เลี่ยง เลิกได้ก็ควรเลิกจะส่งผลดีต่อผิวหน้ามากที่สุด